วิธี ทํา สังขยา ฟักทอง หวานมันอร่อย ทำง่ายได้ที่บ้าน
ใครที่ชื่นชอบรสชาติหวานมันของสังขยาและเนื้อนุ่มละมุนของฟักทอง ต้องไม่พลาดเมนู “สังขยาฟักทอง” อย่างแน่นอน!
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ วิธี ทํา สังขยา ฟักทองอย่างละเอียด ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การเตรียมส่วนผสม ไปจนถึงเคล็ดลับที่ทำให้เมนูนี้กลายเป็นของหวานที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกโอกาส
เค้กฟักทองมีอะไรบ้าง
สังขยาฟักทองเป็นของหวานไทยที่ประกอบด้วยฟักทองที่นึ่งจนสุกและใส่ไส้สังขยา ซึ่งเป็นครีมคัสตาร์ดที่ทำจากไข่ น้ำตาลมะพร้าว และกะทิ เมนูนี้มีรสชาติหวานมัน เนื้อเนียนนุ่ม และมีกลิ่นหอมจากใบเตยหรือวานิลลา ฟักทองที่ใช้มักจะถูกคว้านไส้ออกและนำไปนึ่งพร้อมกับส่วนผสมของสังขยา ทำให้ทั้งสองส่วนผสานรสชาติกันอย่างลงตัว
ของหวานนี้มักพบในงานเทศกาล งานเลี้ยง หรือแม้แต่เป็นของหวานในครัวเรือนทั่วไป ด้วยความที่ทำง่ายและใช้วัตถุดิบที่หาได้ทั่วไป สังขยาฟักทองจึงเป็นเมนูที่เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากลองทำอาหารไทย
สังขยาเป็นของหวานที่มีรากฐานมาจากอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย คำว่า “สังขยา” มาจากภาษาเขมร ซึ่งแปลว่าครีมหรือคัสตาร์ด ส่วนฟักทองเป็นพืชที่ปลูกง่ายในภูมิภาคนี้และถูกนำมาใช้ในอาหารหลากหลายเมนู การรวมกันของสังขยากับฟักทองจึงเป็นการผสมผสานที่ลงตัวและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ในอดีต สังขยาฟักทองมักถูกทำในงานบุญหรือพิธีกรรมต่างๆ เนื่องจากฟักทองมีสีเหลืองทองที่สื่อถึงความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง ต่อมาเมนูนี้ได้กลายเป็นของหวานยอดนิยมในครัวเรือนและร้านอาหารทั่วไป
คุณค่าทางโภชนาการของสังขยาฟักทอง
ก่อนที่เราจะไปดู วิธีทำสังขยาฟักทอง มาดูคุณค่าทางโภชนาการของเมนูนี้กันก่อน:
ฟักทอง: อุดมไปด้วยวิตามิน A, C และไฟเบอร์ ซึ่งช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และระบบย่อยอาหาร
กะทิ: ให้พลังงานสูงและมีไขมันดีที่ช่วยบำรุงร่างกาย (แต่ควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม)
ไข่: เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงและมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
น้ำตาลมะพร้าว: ให้ความหวานที่เป็นธรรมชาติและมีแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียมและแมกนีเซียม
ถึงแม้ว่าสังขยาฟักทองจะเป็นของหวานที่มีพลังงานค่อนข้างสูง แต่การเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพและการควบคุมปริมาณน้ำตาลสามารถทำให้เมนูนี้เป็นของหวานที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ
ส่วนผสมสำหรับวิธีทำสังขยาฟักทอง
เพื่อให้ได้สังขยาฟักทองที่อร่อยและสมบูรณ์แบบ คุณจะต้องเตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้:
ส่วนผสมสำหรับตัวฟักทอง
ฟักทองขนาดเล็ก 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 1 – 1.5 กิโลกรัม)
น้ำสำหรับนึ่ง
ส่วนผสมสำหรับสังขยา
ไข่ไก่ 4 ฟอง
กะทิ 400 มิลลิลิตร
น้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม (หรือปรับตามรสนิยม)
ใบเตย 2 – 3 ใบ (สำหรับเพิ่มกลิ่นหอม)
เกลือ 1/4 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับเพิ่มความข้น)
ขั้นตอนวิธีทำสังขยาฟักทอง
ต่อไปนี้คือขั้นตอนการทำสังขยาฟักทองที่ละเอียดและเข้าใจง่าย:
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมฟักทอง
ล้างฟักทองให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
ใช้มีดตัดส่วนบนของฟักทองออก (ประมาณ 1/4 ของลูก) เพื่อทำเป็นฝาปิด
ใช้ช้อนคว้านเมล็ดและไส้ฟักทองออกให้หมด ระวังอย่าให้เนื้อฟักทองเสียหาย
ล้างด้านในฟักทองให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง
ขั้นตอนที่ 2: ทำส่วนผสมสังขยา
ตีไข่ไก่ในชามผสมจนเข้ากันดี
ใส่กะทิ น้ำตาลมะพร้าว เกลือ และแป้งข้าวโพดลงไป คนให้เข้ากัน
มัดใบเตยเป็นปมแล้วใส่ลงในส่วนผสมเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบางหรือตะแกรงเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียน
นำใบเตยออกจากส่วนผสม
ขั้นตอนที่ 3: ประกอบและนึ่ง
เทส่วนผสมสังขยาลงในฟักทองที่เตรียมไว้ โดยเติมให้เต็มประมาณ 80% (เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการขยายตัว)
ปิดฝาฟักทองและห่อด้วยฟอยล์เพื่อป้องกันน้ำเข้า
วางฟักทองในหม้อนึ่งที่มีน้ำเดือดแล้ว
นึ่งด้วยไฟปานกลางประมาณ 45 – 60 นาที หรือจนกว่าสังขยาจะเซตตัวและฟักทองสุกนุ่ม
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบและเสิร์ฟ
ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มตรงกลางสังขยาเพื่อตรวจสอบว่าสุกหรือไม่ (ถ้าไม่มีของเหลวติดออกมาแสดงว่าสุกแล้ว)
นำฟักทองออกจากหม้อนึ่งและพักให้เย็นลงเล็กน้อย
ตัดฟักทองเป็นชิ้นพอดีคำ ราดด้วยกะทิหรือไอศกรีมวานิลลาเพื่อเพิ่มความอร่อย
เคล็ดลับในการทำสังขยาฟักทองให้สมบูรณ์แบบ
เลือกฟักทองที่เหมาะสม: ควรเลือกฟักทองที่ขนาดพอดี ไม่ใหญ่เกินไป และมีผิวเรียบเนียน
ควบคุมความหวาน: ปรับปริ मानน้ำตาลตามรสนิยม หากชอบหวานน้อยให้ลดน้ำตาลลง
เพิ่มกลิ่นหอม: นอกจากใบเตย คุณสามารถใช้วานิลลาหรืออบเชยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
นึ่งให้สุกทั่วถึง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำในหม้อนึ่งไม่แห้ง และใช้ไฟปานกลางเพื่อให้ความร้อนกระจายทั่วถึง
ปรับเนื้อสัมผัส: หากต้องการให้สังขยาเนียนกว่านี้ ให้เพิ่มแป้งข้าวโพดหรือกรองส่วนผสมหลายรอบ
สรุป
วิธีทำสังขยาฟักทอง เป็นสูตรอาหารไทยที่ทั้งง่ายและอร่อย เหมาะสำหรับทุกคนที่รักการทำอาหารและอยากลองทำของหวานที่ทั้งสวยงามและมีรสชาติที่ลงตัว ด้วยขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและวัตถุดิบที่หาได้ง่าย คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูนี้ได้ในครัวของตัวเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเชฟมืออาชีพ