เที่ยว วัดเขาสุกิม (Wat Khao Sukim) จันทบุรี วัดดังวิวสวยสงบ

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในประเทศไทยเต็มไปด้วยสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และวัดวาอารามที่งดงาม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ วัดเขาสุกิม (Wat Khao Sukim) วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดจันทบุรี วัดแห่งนี้ไม่เพียงมีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่ยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนจิตใจ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของภาคตะวันออก ใครที่มาเยือนจันทบุรีแล้วไม่แวะที่นี่ถือว่าพลาดอย่างยิ่ง

ทำความรู้จักวัดเขาสุกิม

วัดเขาสุกิม (Wat Khao Sukim) เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในจังหวัดจันทบุรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 โดยหลวงพ่อสมชาย แห่งวัดเขาสุกิม จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาปฏิบัติธรรม ศึกษาพระพุทธศาสนา และยังมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามมองเห็นภูเขาและท้องทุ่งโดยรอบ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ไม่เพียงได้ชมความงามทางสถาปัตยกรรม แต่ยังได้ซึมซับความสงบทางใจ

วัดเขาสุกิมถือเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในภาคตะวันออก มีการสร้างอาคารปฏิบัติธรรมและหอประชุมใหญ่เพื่อรองรับพุทธศาสนิกชน วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมวัตถุโบราณ ภาพวาด และของสะสมทางศิลปะที่มีคุณค่ามากมาย

สิ่งที่ทำให้วัดเขาสุกิมมีชื่อเสียงคือทางขึ้นบันไดพญานาคอันยาวใหญ่ รวมถึงพระอุโบสถและเจดีย์ที่มีศิลปกรรมงดงาม ผู้ที่เดินทางขึ้นไปถึงยอดเขาจะได้สัมผัสกับความเงียบสงบ และทิวทัศน์ที่สวยงามเหนือท้องฟ้า

วัดเขาสุกิมขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม บรรยากาศรอบวัดเงียบสงบ มีพื้นที่กว้างขวางและอากาศบริสุทธิ์ นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมมาปลีกวิเวกหรือเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะในช่วงวันสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา หรือวันมาฆบูชา

เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของจังหวัดจันทบุรีได้แบบพาโนรามา ทั้งภูเขา ป่าไม้ และท้องทุ่งกว้างใหญ่ ถือเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด

วัดเขาสุกิมตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 20 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทางขึ้นวัดมีทั้งบันไดพญานาคและรถรางไฟฟ้าสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินขึ้น

ไฮไลท์น่าสนใจของวัดเขาสุกิม

การมาเยือนวัดเขาสุกิมไม่เพียงแต่ได้กราบไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ยังมีกิจกรรมและสถานที่สำคัญให้ชมมากมาย

– พระอุโบสถและเจดีย์

พระอุโบสถภายในวัดมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ และภายในยังประดิษฐานพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านบนยอดเขา สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล

– บันไดพญานาค

บันไดพญานาคนับร้อยขั้นถือเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวัดเขาสุกิม นักท่องเที่ยวที่เดินขึ้นบันไดนี้ไม่เพียงได้ออกกำลังกาย แต่ยังได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติและความศักดิ์สิทธิ์

– พิพิธภัณฑ์และของสะสม

ภายในวัดยังมีห้องจัดแสดงโบราณวัตถุ พระบรมรูป และสิ่งของเก่าแก่ที่หาชมได้ยาก จึงเป็นสถานที่ที่นักเรียนและผู้สนใจประวัติศาสตร์นิยมมาศึกษา

ข้อมูลสำคัญสำหรับผู้มาเยือน

สำหรับผู้ที่มีโอกาสเดินทางมาท่องเที่ยวและสักการะที่ วัดเขาสุกิม (Wat Khao Sukim) มีรายละเอียดที่ควรทราบเพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่นและเหมาะสม

ก่อนอื่น ควรแต่งกายสุภาพ ไม่สวมเสื้อสายเดี่ยว กางเกงขาสั้น หรือเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมต่อการเข้าวัด เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นักท่องเที่ยวควรแสดงความเคารพต่อพระสงฆ์และสถานที่ทางศาสนา โดยการพูดจาสุภาพ ไม่ส่งเสียงดัง และไม่ปีนป่ายสิ่งก่อสร้าง นอกจากนี้ การถ่ายภาพสามารถทำได้ แต่ควรถ่ายด้วยความเคารพ หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพในมุมที่ไม่เหมาะสม

วัดเขาสุกิมเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามากราบไหว้พระ ทำบุญ หรือร่วมกิจกรรมทางศาสนาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากผู้ใดสนใจเข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติธรรม หรือคอร์สอบรมทางพระพุทธศาสนา ควรติดต่อสอบถามล่วงหน้าเพื่อเช็กตารางกิจกรรมและเตรียมตัวให้พร้อม

ภายในวัดยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ที่จอดรถกว้างขวาง ร้านอาหารเล็ก ๆ ร้านขายของที่ระลึก ศาลาพักผ่อน รวมถึงรถรางไฟฟ้า ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินขึ้นบันไดพญานาค นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่และพระสงฆ์คอยให้คำแนะนำแก่นักท่องเที่ยว ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย

ด้วยบรรยากาศที่สงบและเป็นมิตร วัดเขาสุกิมจึงไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนจิตใจและเรียนรู้หลักธรรมของพระพุทธศาสนา นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสถึงความงดงามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง

สรุป

วัดเขาสุกิม (Wat Khao Sukim) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและศาสนาที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนจังหวัดจันทบุรี ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรม บรรยากาศสงบ และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถทั้งสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชมโบราณวัตถุ และพักผ่อนจิตใจไปพร้อมกัน วัดแห่งนี้จึงไม่เพียงเป็นศูนย์กลางทางศาสนา แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้และพักผ่อนที่เติมเต็มทั้งกายและใจ